This post is also available in:
คุณสนใจที่จะลองเรียนประเพณีแบบญี่ปุ่นในระหว่างการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นบ้างไหม? มันอาจจะต้องใช้เวลานานในการที่จะที่เข้าใจในประเพณีแบบญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง แต่มันก็ไม่ยากเกินไปที่จะเริ่มศึกษา ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นอันยาวนานทั้งหลายนั้นมีเบื้องหลังซ่อนอยู่ ซึ่งคุณสามารถรู้ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นผ่านทางวัฒนธรรมได้อีกทางหนึ่งด้วย
5 ประเพณียอดนิยมในแบบญี่ปุ่นที่ควรลอง
ประเพณีแบบญี่ปุ่นที่คุณสามารถเริ่มต้นเรียนได้ง่ายๆ โดยจะเรียนแบบจริงจังหรือแบบทดลองเรียนก็ได้
1. พิธีชงชา
เครดิตภาพ: Canva.com
พิธีชงชาแบบญี่ปุ่นจะเรียกกันว่า “ซาโดะ” หรือ “จะโนหยุ” ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับ 1000 ปี พิธีชงชาดั้งเดิมในเเบบญี่ปุ่นไม่ใช่เเค่ซึมซับกับรสชาติของชาเขียวอย่างเดียว แต่เราได้ซึมซับกับสถาปัตยกรรมของห้องชงชาไปพร้อมๆ กันอีกด้วย บ้านสไตล์ญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับการจัดแต่งสวนแบบญี่ปุ่น โดยปกติเเล้วในพิธีชงชานั้น จะใช้ชาเขียวทั้งที่เป็นแบบผงจากชาเขียว (เกียวคุโระ) หรือทั้งแบบใบชาจากชาเขียว (เซนฉะ)
ในพิธีชงชาจะมี 2 แบบคือ แบบเเรกจะเรียกว่า โอโมเตะ เซงเขะ (Omote senke) และแบบที่สองจะเรียกว่า อุระ เซงเขะ (Ura senke) จะมีข้อเเตกต่างกันระหว่างการชงชาสองแบบนี้นั่นก็ คือการ ถือถ้วยชา (chawan) และวิธีการดื่ม
ขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นจะนุ่มและหวานเรียกกันว่า วากาฉิ (wagashi) จะเสริฟพร้อมกันในพิธีชงชา ขนมวากาฉิที่เสริฟในพิธีชงชาจะเสริฟตามฤดูกาลและหรือแล้วแต่เจ้าภาพจะจัดมาให้
พิธีชงชาแบบญี่ปุ่นในสมัยโบราณเคยเป็นหนึ่งในวิชาที่เจ้าสาวจะต้องเรียนก่อนที่จะแต่งงานออกเรือนไป
เครดิตภาพ: Canva.com
2. วิชาการป้องกันตัวเเบบญี่ปุ่น
ถ้าคุณอยากที่จะลองวิชาป้องกันตัวแบบดั้งเดิมที่ใช้แค่ร่างกายคุณ ทำไมไม่มาลองการต่อสู้แบบญี่ปุ่นดูล่ะ!
ยูโด
เครดิตภาพ: Canva.com
ยูโดเป็นศิลปะการป้องกันตัวของญี่ปุ่น และได้ถูกจัดเป็นหนึ่งในรายการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกอย่างเป็นทางการ ซึ่งญี่ปุ่นได้เหรียญทองโอลิมปิกมากมายในการแข่งขันกีฬายูโด ยูโดไม่ใช่กีฬาสำหรับผู้ชายเท่านั้น แต่ยังเป็นกีฬาสำหรับผู้หญิงด้วย คุณอาจจะเคยได้ยินการ์ตูนเรื่อง ยาวาระ (Yawara) ซึ่งเนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เริ่มหัดเล่นยูโด
กีฬายูโดมีกฎกติกาที่เข้มงวดและเป็นกีฬาที่อาจเกิดการบาดเจ็บได้ง่ายหากคุณไม่เล่นตามกฏกติกา เเละคุณจะต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้มีความสามารถในระดับที่สูงยิ่งขึ้นไป โดยในช่วงเวลาสั้นๆ ของการเรียน คุณจะรู้สึกสนุกกับมัน เพราะมีเทคนิคที่น่าสนใจมากมายให้เรียนรู้ ภาษาญี่ปุ่นเรียกมันว่า วาสะ (waza) ให้มั่นใจได้ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน!
เคนโด้
เครดิตภาพ: Canva.com
เคนโด้ (กีฬาฟันดาบของญี่ปุ่น) เป็นกีฬาแข่งขันการต่อสู้ที่สืบทอดมาจากวิชาดาบเคนจุซึ (kenjutsu) เเละจะใช้ดาบไม้ (shinai) เเละจะสวมเกราะป้องกันที่เรียกว่าโบกุ (bōgu) ปัจจุบันนี้กีฬาเคนโด้ไม่ได้มีเฉพาะเเค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังแพร่หลายไปในหลายๆประเทศทั่วโลกอีกด้วย จุดการทำคะเเนนจะมี 3 จุดคือ หัว ลำตัวเเละข้อมือ ในภาษาญี่ปุ่นคือ (men, do, and kote) เเละก็เหมือนกันกับกีฬาฟันดาบของชาติตะวันตกที่ตอนนี้กีฬาฟันดาบของญี่ปุ่นได้กลายเป็นกีฬาสากลไปแล้ว
3. การคัดตัวหนังสือด้วยพู่กัน
เครดิตภาพ: Canva.com
การคัดลายมือแบบญี่ปุ่น “โชโดะ” หรือ “ชูจิ” “Shodo” or “Shuuji” ได้รับความนิยมไปทั่วโลก การคัดลายมือด้วยพู่กันมีด้วยกันอยู่หลายแบบ โดยแบบที่ได้รับความนิยมแบบเเรกเรียกว่า ไคโฉะ Kaisho (เป็นการเขียนแบบปกติ) และอีกแบบเรียกว่า เกียวโฉะ Gyousho (เป็นการเขียนแบบกึ่งหวัด) ซึ่งถ้าหากคุณเป็นมือใหม่ เราแนะนำให้เริ่มเขียนแบบไคโฉะก่อน
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันจีน
1) พู่กัน (fude)
2) หมึกแท่ง (sumi)
3) กระดาษสา (washi)
4) แป้นฝนหมึก (suzuri)
5) แท่งทับกระดาษ (bunchin)
6) แผ่นพลาสติกรองเขียน (shitajiki)
โดยถ้าคุณสนใจเรียนคอร์สเเบบ 1 วันจบ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้เลย แต่ถ้าคุณมีแผนที่จะเรียนในระยะยาว คุณควรที่จะจัดหาอุปกรณ์การเขียนเหล่านี้ให้พร้อมก่อนที่คุณจะเริ่มเรียน ซึ่งคุณสามารถหาอุปกรณ์การเขียนทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ในร้าน 100 เยน
เครดิตภาพ: Canva.com
4. การจัดดอกไม้สไตล์ญี่ปุ่น
เครดิตภาพ: Canva.com
การจัดดอกไม้สไตล์ญี่ปุ่น เราจะเรียกมันว่า อิเคบานะ ikebana หรือ คาโดะ kado ซึ่งเป็นหนึ่งในการเรียนยอดนิยมและมีชื่อเสียงเพราะมันคุ้มค่าที่จะเรียน โดยหากนับย้อนกลับไปนับตั้งเเต่ศตวรรษที่เป็นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีโรงเรียนสอนจัดดอกไม่แบบญี่ปุ่นนับพันแห่งกระจายไปทั่วโลก
สิ่งหนึ่งที่ทำให้การจัดดอกไม้สไตล์ญี่ปุ่นแตกต่างกับการจัดดอกไม้ในสไตล์ทางฝั่งยุโรปก็คือ กฎระเบียบในเรื่องการวางองค์ประกอบ ไม่ว่าจะด้วยเรื่อง รูปร่าง, สี, ตำแหน่งการจัดเรียง และจุดละอันพันละน้อย
ดอกไม้ที่จัดใส่เเจกันนั้น บางครั้งรูปทรงของแจกันจะเป็นทรงแบน ซึ่งในตอนที่คุณต้องจัดมัน คุณจำเป็นต้องเสียบมันลงในตัวเสียบ ซึ่งเรียกมันว่า “เคนซัง” “kenzan” หรือหมุดสำหรับเสียบดอกไม้นั่นเอง
และการจัดดอกไม้ก็เคยเป็นหนึ่งในทักษะวิชาที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องฝึกฝนเเละเรียนรู้ก่อนที่จะแต่งงานออกเรือนไปอีกด้วย
เครดิตภาพ: Canva.com
5. กิโมโน
เครดิตภาพ: Canva.com
กิโมโน หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกมันว่า วาฟุขุ wafuku เป็นชุดประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นที่ในสมัยโบราณผู้คนจะสวมใส่ในทุกๆวัน แต่หลังจากสมัยยุคเมจิเป็นต้นมา ผู้คนก็เริ่มที่จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบตะวันตก จนมาถึงในยุคปัจจุบันซึ่งชุดกิโมโนเลยถูกใส่ในโอกาสสำคัญเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองคนญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันจะสวมใส่ชุดกิโมโนไม่ค่อยเป็น เเละเมื่อสวมใส่ชุดกิโมโนจำเป็นจะต้องหาผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญในการจัดแต่งชุด ซึ่งการเรียนการใส่ชุดกิโมโนนั้นนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่เดียว แม้แต่ในหมู่คนญี่ปุ่นเองก็ตาม
เมื่อคุณเรียนการสวมใส่ชุดกิโมโนว่าต้องใส่ยังไง คุณไม่จำเป็นต้องหาซื้อชุดเอง แต่คุณสามารถหยิบยืมมันได้จากโรงเรียนหรือคุณครูผู้สอน
ชุดกิโมโนจะเป็นชุดที่เหมือนกับพันร่างของคุณไว้ ในผู้หญิงจะเอาชายเสื้อฝั่งซ้ายทับด้วยฝั่งขวา แต่สำหรับผู้ชายจะทำตรงกันข้ามกัน โดยคุณจะใช้สายคาดหรือที่เราเรียกมันว่า โอบิ (obi) คาดเพื่อกันหลุดและใส่ถุงเท้าสีขาวหรือที่เรียกว่า ทาบิ (tabi)
ประเพณีญี่ปุ่นที่คุณชื่นชอบ
เครดิตภาพ: Canva.com
คุณเจอสิ่งท้าทายที่อยากจะลองจากตัวเลือกข้างบนนี้บ้างไหม? อยากลองประเพณีญี่ปุ่นอันไหนดีนะ? ฉันอยากจะรู้ตัวเลือกของคุณจังเลย!
ถ้าคุณอยากรู้เกี่ยวกับประเพณีของญี่ปุ่นให้มากขึ้นไปอีกล่ะก็ไปลองดูการเเสดงแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นสิ อย่างการแสดงคาบูกิ (Kabuki) หรือ ละครโน (Nou) แล้วคุณจะจดจำประสบการณ์ครั้งนี้แบบไม่ลืมเลือนทีเดียว
More Articles
- อาหารญี่ปุ่นอีกหนึ่งชนิด“ปิ้งย่าง”
- คิดใหม่กับความเชื่อ “ไซตามะน่าเบื่อ”
- มารู้จักขนมปังในแบบฉบับญี่ปุ่น: ขนมอบที่ต้องลอง
- ชินโอคุโบะ: โคเรียทาวน์ของญี่ปุุ่น
10 อันดับช็อกโกแลตญี่ปุ่น อร่อยหยุดไม่อยู่ในราคาต่ำกว่า 300 เยน!
ติดตามกันต่อใน อินสตาแกรม กับเรื่องราวน่าสนใจในญี่ปุ่นเเละเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยกับชีวิตใน
ญี่ปุ่น
ผู้แปล: เจติยา
View this post on Instagram