This post is also available in:
สำเร็จ! คุณรอดชีวิตจากโกคงและยังได้แลกไลน์กับคนพิเศษอีกด้วย ตอนนี้คุณมีความกังวลใหม่เพิ่มขึ้น – จะส่งข้อความถึงเธอเมื่อไหร่ดี? บ่อยแค่ไหน? จะพูดว่าอะไรดี?
ในบทความที่แล้วเรากล่าวถึงโกคง ปาร์ตี้หาคู่ของคนญี่ปุ่น ตอนนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่ตามมากัน!
อย่ากังวล! การส่งข้อความแรกเป็นอะไรที่น่าตึงเครียดเสมอ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องส่งมันในภาษาที่ไม่ใช่ภาษาของคุณเอง พวกเราต่างสร้างความผิดพลาดมาก่อนและมันเป็นเรื่องที่ง่ายในการที่จะเข้าใจผิดคนญี่ปุ่นเมื่อคุยกันผ่านข้อความ แต่อย่ากลุ้มไป! เรามาดูวิธีส่งข้อความให้เพอร์เฟคและวิธีทำให้บทสนทนาน่าสนใจอยู่เสมอก่อนเดทต่อไปของคุณกัน
ใครควรส่งข้อความก่อน? ควรรอนานเท่าไหร่?
เช้าหลังจากโกคงของคุณ คุณเฝ้ารอคำแจ้งเตือน ‘New Friend’ ในไลน์ของคุณอยู่เป็นเวลานาน นานจนคุณรู้สึกเหมือนคุณต้องรอตลอดไป ใครควรเริ่มก่อน? ใครควรทักเป็นคนแรก?
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ: ถ้าคุณเป็นคนขอไลน์ คุณควรเป็นคนแรกที่ทักไป
ในด้านเวลา อย่ารู้สึกกระตือรือร้นจนเกินไปจนส่งข้อความตั้งแต่คืนนั้น การส่งข้อความไปกลางดึกอาจเป็นการสื่อในแง่ไม่ดีเพราะฉะนั้นคุณควรจนถึงรอวันรุ่งขึ้น แต่อย่ารอจนนานเกินไปเพราะมันอาจทำให้เธอคิดว่าคุณไม่สนใจแล้ว!
แล้วฉันควรพูดอะไร?
มันอาจเป็นเรื่องอดใจยากหลังจากคืนของการดื่มหนักและการจีบกันไปจีบกันมาที่จะคุยกันวันรุ่งขึ้นเหมือนที่คุยกันเมื่อคืน
แต่นี้คือสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด
เมื่อคุณเริ่มบทสนทนาแรก เริ่มให้สั้น เฟรนลี่ และมีความจริงใจ แบบง่ายๆอย่าง “ยินดีที่ได้รู้จัก!” เป็นประโยคสั้นๆที่เป็นการเริ่มที่ดี (โดยเฉพาะเมื่อส่งคู่กับสติ๊กเกอร์น่ารักๆ) อย่าใช้คำพื้นๆอย่าง “เฮ้” เพราะมันอาจทำให้ดูน่าเบื่อหรือไม่มีความสนใจ
เมื่อรู้สึกไม่แน่ใจ ถามคำถาม! การถามคำถามทำให้การตอบกลับจากอีกฝ่ายง่ายขึ้น – เขาอาจรู้สึกกังวลเหมือนคุณก็ได้!
จะชวนเธอไปเดทยังไงดี?
หลังจากคุณได้ส่งข้อความคุยกับอีกฝ่ายมาวันสองวัน คุณอยากชวนเธอไปเดท คุณควรพูดว่าอะไร?
การหาความลงตัวระหว่างการมีความกระตือรือร้นมากเกินไปและการขอนัดพบในทันที – และการถูกมองว่าแกล้งถ่วงเวลา อาจมีเพียงเส้นบางๆขั้นกลางอยู่
คุณคุยเรื่องอะไรกันมาบ้าง? มีความชอบอะไรที่เหมือนกันไหม? เดทครั้งแรกจะสนุกเสมอหากมันถูกคิดมาจากความชอบและสิ่งที่ชอบทำส่วนตัว มันจะน่าตื่นเต้นกว่าหากคนที่ถูกชวนจะได้ทำกิจกรรมที่พวกเขาชอบทำ
ตอนส่งข้อความ ทำให้สั้นและตรงประเด็น เช่น:
ฉันจำได้ว่าคุณชอบเบสบอล! อยากไปดูเกมเบสบอลด้วยกันเสาร์หน้าไหม?
(I remember you mentioning you’re a big baseball fan! Would you like to attend a game with me next Saturday?)
ในประสบการณ์ของฉัน คนญี่ปุ่นมักอยากให้ตั้งวันและเวลาที่แน่ชัดก่อนไป อย่าลืมกำหนดกรอบเวลาทั่วไปเมื่อทำแผนของคุณ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำแผนที่คลุมเครือสำหรับอนาคตที่ห่างไกลและไม่มีวันเกิดขึ้น ผู้คนมักยุ่งและมันเป็นเรื่องง่ายที่สิ่งต่างๆจะหล่นหายไปตามการเปลี่ยนแปลงของชีวิต
ทำยังไงกับอุปสรรคด้านภาษา (language barrier) ?
แน่นอน สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับระดับภาษาญี่ปุ่นของคุณ ระดับภาษาอังกฤษของคู่เดทคุณ และภาษาที่คุณสองคนรู้สึกสบายใจที่จะใช้
สมมติว่าคุณทั้งคู่รู้สึกสบายใจในการใช้ภาษาอังกฤษ แต่อาจยังคงมีความแตกต่างด้านการสื่อสารที่อาจตกหล่นในระหว่างการแปลได้
โดยทั่วไป ภาษาอังกฤษแบบพิมพ์จะใช้เครื่องหมายวรรคตอนและใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่เพื่อแสดงอารมณ์ต่างๆ ซึ่งผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาอาจไม่เข้าใจอารมณ์ที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อฉันเริ่มเดทกับแฟนชาวญี่ปุ่นของฉันครั้งแรก ฉันคิดเสมอว่าเขาโกรธเมื่อส่งข้อความหาฉัน มาลองดูบทสนทนาสองบทนี้กัน
คนแรก (person A) : ทำอะไรอยู่? (What are you doing?)
คนที่สอง (person B) : ไม่ได้ทำอะไรอยู่! (nothing!)
กับ
คนแรก (person A): ทำอะไรอยู่? (What are you doing?)
คนที่สอง (person B): ไม่ได้ทำอะไรอยู่. (Nothing.)
บทสนทนาแรกมีความเฟรนลี่และคุยเล่น ในขณะที่อันที่สองอาจดูเย็นชาและไม่มีความสนใจ
ความแตกต่างเล็กๆในการใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่และเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนเป็นข้อแตกต่างที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนพิมที่เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษ อย่าคาดหวังว่าทุกคนจะรู้ถึงข้อแตกต่างเล็กๆเหล่านี้และอย่าอ่านตรงความหมายมากเกินไป! ในกรณีของฉัน ฉันใช้เวลาเป็นเดือนและผ่านการสื่อสารที่ไม่เข้าใจก่อนที่ฉันจะฝึกให้ตัวเองหยุดอ่านข้อความแบบลึกเกินไปและโฟกัสเพียงคำ
แอปพลิเคชั่นข้อความอย่าง ไลน์ มีสติ๊กเกอร์และอิโมติคอนมากมาย และเป็นสิ่งที่สามารถช่วยแสดงโทนในข้อความของคุณ!
ถ้าเขาไม่ตอบกลับล่ะ?
หลังจากที่ส่งข้อความหากันระยะนึงเขาเลิกตอบข้อความ มันเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดเมื่ออยู่ดีๆอีกฝ่ายก็เงียบหายไป และคุณอาจหวังให้อีกฝ่ายบอกมาเลยตรงๆว่าไม่สนใจแล้ว
ข่าวร้ายคือวัฒนธรรมญี่ปุ่นไม่ชอบการเผชิญหน้า มันอาจเป็นเรื่องง่ายที่จะหาข้ออ้างหลังจากเงียบหายไปไม่กี่วันแต่ในญี่ปุ่น การเงียบหายไปนานคือการสื่ออย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่มีความไม่สนใจ อย่ากวนใจเธอด้วยข้อความเยอะเกินไป ยังมีโอกาสที่คุณจะเจอคนใหม่ๆอีกเยอะ!
ลองดูบทความอื่นในซีรีส์นี้ได้ที่:
https://guidable.co/th/culture/relationships/dating-in-japan-3-things-you-must-avoid-at-your-next-gokon/
https://guidable.co/culture/relationships/series-about-dating-in-japan-article-3-of-6-the-dos-and-donts-of-your-first-date/
Series! About Dating in Japan: Article 4 of 6: What’s the Deal with Love Confessions?
https://guidable.co/culture/relationships/series-about-dating-in-japan-article-5-of-6-4-tips-to-plan-the-perfect-christmas-date/
https://guidable.co/culture/relationships/series-about-dating-in-japan-article-6-of-6-all-you-need-to-know-about-japanese-weddings/